Search This Blog
Sunday, April 28, 2013
มองตาก็รู้...
อายุคนสั้นลงทุกวัน จะตายวัน ตายพรุ่งก็ไม่รู้ ขอเลือกเก็บเกี่ยวความสุขตราบที่ยังหายใจ...
และเมื่อเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เข้าวัยทำงาน มีคำพูดจากเพื่อนว่า
และวันหนึ่งเห็นข้อความหนึ่งบนหน้าเฟสบุ๊ค อ่านแล้วยิ้ม และ ชื่นชมคนเขียน
"บางคนที่ไม่เขียนอะไรที่เศร้า ไม่ดี ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีมุมนั้น แต่เขาเลือกที่จะเขียนในสิ่งที่ดีเท่านั้นเอง"
มุมของป้าโอ้ท : ทำไมเราต้องแสดงความอ่อนแอ หรือ จุดอ่อนแอให้ใครๆเห็น และ รับรู้ด้วยล่ะ เขามองว่าเราแกร่ง เราเข้มแข็งดีแล้วนี่ เราทำให้คนอื่นมีรอยยิ้มได้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาลืมความทุกข์ความเศร้าเพียงเสี้ยววินาที เราก็ดีใจแล้ว
แม้ว่าใครๆจะมองว่าไร้สาระ ไม่มีแก่นสาร ปัญญาอ่อน ก็ช่างเขา ตราบที่เรารู้ว่าเราทำอะไร ตราบที่เราทำแล้วเราสบายใจ คนที่ได้รับความสุขก็ไม่ใช่ใครอื่น "เรา" นั่นเอง
Tuesday, April 23, 2013
เงียบ เหงา...
สวัสดีค่ะเช้าทอฝัน เช้านี้(23 เมย 2556)ป้าตั้งใจรีดผ้า แต่ก่อนอื่นใดเติ่มวิตามินให้สมองหลวมๆ ของป้าก่อนสักนิด เข้ามาอ่านหน้าบอร์ด นีกเรื่องเขียนได้อีก
"วันนี้เงียบจัง"
"เหงาจังเลย"
ย้อนเวลากลับไปเมื่อป้ายังเป็นวัยฝัน วันไหน ที่ป้าไม่มีคนที่อยู่ในฝันของป้า หรือไม่มีคนที่ป้าเก็บมาฝันของป้าคนเดียววันนั้น สองคำนี้จะแวะเวียนมานั่งอยู่ในสมองของป้า
เมื่อป้าโตขึ้น มีงานทำ มีกิจกรรมร่วมกับคนแปลกหน้าใหม่ๆเพิ่มขึ้น เป็นกบหงายกะลา ป้าเห็นโลกกว้างขึ้น ผู้คนรอบตัวมากมายเจ้า เงียบ ไม่วิ่งเล่นในสมองของป้าแล้ว แต่เจ้าเหงาซิยังคงเล่นสนุกอยู่ในสมองว่างเปล่าของป้าอยู่นานหลายปีทีเดียว
เมื่อป้าพบกับกระดูกคู่ใจดี เป็นกระดูกคู่ที่ไม่ได้อยู่ติดกันระยะแรก ช่วงนั้นเจ้าเงียบกลับมาเยี่ยมป้าอีกแล้ว ทั้งๆที่ รอบตัวป้ามีผู้คนมากมาย แต่เจ้าเงียบได้ยีดพื่นที่ในสมองของป้าไว้เต็มพื้นที่ แต่แปลกเจ้าเหงากลับหนีป้าไป ไปไหนน๊า?
และเมื่อวันที่ป้าเลือกที่จะก้าวขาออกจากบ้านอย่างถาวร ไปบ้านหลังใหม่ของชิวิตป้า ป้าได้พาเจ้าเงียบ และ เจ้าเหงาไปกับป้าด้วย แต่...ทั้งสองกลับไม่วิ่งเล่นอยู่ในสมองว่างๆ ของป้าซะแล้ว หรือว่า ยังอยู่ที่ไทยไม่ได้ขึ้นเครื่องบินมากับป้าน๊า ^_^ ป้านีกสงสัยว่า เพราะในสมองของป้ามี"คุณกระดูกคู่" ชิ้นอวบๆ ที่แสนใจดีนั่งอยู่คับพื้นที่ เลยทำให้เจ้าเงียบ กับ เจ้าเหงาไม่มีที่วิ่งเล่น
สำหรับป้า ณ วันนี้ ถ้าป้าคิด(ถึง)ว่าเงียบ เจ้า(ความ)เงียบก็จะมา ถ้าป้าคิด(ถึง)ว่าเหงา เจ้า(ความ)เหงาก็จะมา แต่ถ้าป้าไม่คิด ป้าไม่เรียกเจ้าเงียบ กับ เจ้าเหงาก็ไม่มาอยู่กับป้า ป้าเรียกหาสิ่งที่ทำให้เวลาผ่านไปด้วยความสนุก เพลิดเพลิน สบายใจ
ใช่...ป้าไม่เถียงว่าในบางนาที ป้าเผลอเรียกเจ้าเหงาเข้ามา แต่ไม่ได้วิ่งเล่นอยู่ในสมองป้านานเพราะมีหลายสิ่งมากมาย สนุก เพลิดเพลินแย่งกันกระโดดเข้ามาอยู่ในสมองของป้าไม่เว้นแต่ละนาที
"วันนี้เงียบจัง"
"เหงาจังเลย"
ย้อนเวลากลับไปเมื่อป้ายังเป็นวัยฝัน วันไหน ที่ป้าไม่มีคนที่อยู่ในฝันของป้า หรือไม่มีคนที่ป้าเก็บมาฝันของป้าคนเดียววันนั้น สองคำนี้จะแวะเวียนมานั่งอยู่ในสมองของป้า
เมื่อป้าโตขึ้น มีงานทำ มีกิจกรรมร่วมกับคนแปลกหน้าใหม่ๆเพิ่มขึ้น เป็นกบหงายกะลา ป้าเห็นโลกกว้างขึ้น ผู้คนรอบตัวมากมายเจ้า เงียบ ไม่วิ่งเล่นในสมองของป้าแล้ว แต่เจ้าเหงาซิยังคงเล่นสนุกอยู่ในสมองว่างเปล่าของป้าอยู่นานหลายปีทีเดียว
และเมื่อวันที่ป้าเลือกที่จะก้าวขาออกจากบ้านอย่างถาวร ไปบ้านหลังใหม่ของชิวิตป้า ป้าได้พาเจ้าเงียบ และ เจ้าเหงาไปกับป้าด้วย แต่...ทั้งสองกลับไม่วิ่งเล่นอยู่ในสมองว่างๆ ของป้าซะแล้ว หรือว่า ยังอยู่ที่ไทยไม่ได้ขึ้นเครื่องบินมากับป้าน๊า ^_^ ป้านีกสงสัยว่า เพราะในสมองของป้ามี"คุณกระดูกคู่" ชิ้นอวบๆ ที่แสนใจดีนั่งอยู่คับพื้นที่ เลยทำให้เจ้าเงียบ กับ เจ้าเหงาไม่มีที่วิ่งเล่น
สำหรับป้า ณ วันนี้ ถ้าป้าคิด(ถึง)ว่าเงียบ เจ้า(ความ)เงียบก็จะมา ถ้าป้าคิด(ถึง)ว่าเหงา เจ้า(ความ)เหงาก็จะมา แต่ถ้าป้าไม่คิด ป้าไม่เรียกเจ้าเงียบ กับ เจ้าเหงาก็ไม่มาอยู่กับป้า ป้าเรียกหาสิ่งที่ทำให้เวลาผ่านไปด้วยความสนุก เพลิดเพลิน สบายใจ
ใช่...ป้าไม่เถียงว่าในบางนาที ป้าเผลอเรียกเจ้าเหงาเข้ามา แต่ไม่ได้วิ่งเล่นอยู่ในสมองป้านานเพราะมีหลายสิ่งมากมาย สนุก เพลิดเพลินแย่งกันกระโดดเข้ามาอยู่ในสมองของป้าไม่เว้นแต่ละนาที
Friday, April 12, 2013
ภาษา...ปาก
คุยกัน แล้ว เข้าใจกันไหม ว่ากันไปอีกเรื่อง...
วันหนี่งในห้องน้ำสาธารณะ คุณแม่กำลังเปลียนแพมเพิรส์ให้คุณลูกตัวน้อยๆ ที่ร้องเสียงดัง ป้าโอ้ทจัดการธุระ(เข้าไปประชุม...^_^) เรียบร้อย ล้างมือเสร็จ เดินออกมารอเพื่อนอยู่ด้านนอก เสียงร้อง "อุ๊แว๊ อุ๊แว๊" ทำให้ป้าโอ้ทฉุกคิดขึ้นมาว่า...
" เออนะ ไม่ว่าจะเป็นคนชนชั้น วรรณะไหน สัญชาติ เผ่า ใดๆ เมื่อแรกมีชีวิตออกมาหายใจบนโลก ยังพูดภาษา "คน" ไม่เป็น ภาษาทารกนี่ละ ทุกคนร้องเหมือนกันหมด "อะแว๊ อะแว๊"
หรือมีใครที่พูดภาษา"คน" ได้เลย โดยไม่ผ่านการเปล่งเสียง
วันหนี่งในห้องน้ำสาธารณะ คุณแม่กำลังเปลียนแพมเพิรส์ให้คุณลูกตัวน้อยๆ ที่ร้องเสียงดัง ป้าโอ้ทจัดการธุระ(เข้าไปประชุม...^_^) เรียบร้อย ล้างมือเสร็จ เดินออกมารอเพื่อนอยู่ด้านนอก เสียงร้อง "อุ๊แว๊ อุ๊แว๊" ทำให้ป้าโอ้ทฉุกคิดขึ้นมาว่า...
" เออนะ ไม่ว่าจะเป็นคนชนชั้น วรรณะไหน สัญชาติ เผ่า ใดๆ เมื่อแรกมีชีวิตออกมาหายใจบนโลก ยังพูดภาษา "คน" ไม่เป็น ภาษาทารกนี่ละ ทุกคนร้องเหมือนกันหมด "อะแว๊ อะแว๊"
หรือมีใครที่พูดภาษา"คน" ได้เลย โดยไม่ผ่านการเปล่งเสียง
Tuesday, April 9, 2013
กระจก สะท้อน
วันนี้อ่านข้อความหนึ่งเพื่อนในเฟสบุ๊ค เขียนไว้ว่า " เมื่อเราหันหลังให้กระจกเราก็จะไม่เห็นหน้าตัวเอง" ใช่แน่หากกระจกนั้นคือกระจกเงา แต่หากกระจกนั้นเป็นกระจกโปร่งธรรมดาไม่สะท้อนเงา แม้เราจะหันหน้าหากระจกเราก็ไม่เห็นเงาตัวเองเช่นกันนั่นล่ะ
ทำให้นีกต่อไปว่า หากเราเป็นคนที่ไม่เคยมองตัวเอง ไม่เคยพิจารณาตัวเอง มัวแต่มองคนอื่น พิจารณาคนอื่น ตำหนิคนอื่น ไม่ว่าจะมีกระจกเงาอยู่รอบตัวเราก็มองไม่เห็นเพราะเราไม่เคยหันมองตัวเอง พิจารณาตัวเองเลย นีกถึงเวลาเข้าไปอยู่ในลิฟท์มีกระจกรอบด้าน ยกเว้นพื้น หันไปทางไหนก็เห็น
กระจกเงามนุษย์ ...( ใช้คำหรูซะด้วย) โอ้ทว่าเป็นกระจกเงาที่ส่อง สะท้อนถึงตัวตน สันดาน ได้ดีทีเดียว และยังเป็นสิ่งที่ทำให้คนที่ส่องกระจก(มนุษย์)คนนั้น มองตัวเอง พิจารณาตัวเองมากขึ้น จะว่าไปแล้วก็มีทั้งเงาสวย และ เงาขี้เหร่เน่อะ เลือกกันเองก็แล้วกันว่าชอบเงาแบบไหน อยากได้เงาแบบไหนเป็นเงาตัวเอง
แต่ทำไมน๊า โอ้ทส่องกระจกไหนๆ ก็เห็นหน้าตัวเองสวยทุกครั้งเลย ^_^
ทำให้นีกต่อไปว่า หากเราเป็นคนที่ไม่เคยมองตัวเอง ไม่เคยพิจารณาตัวเอง มัวแต่มองคนอื่น พิจารณาคนอื่น ตำหนิคนอื่น ไม่ว่าจะมีกระจกเงาอยู่รอบตัวเราก็มองไม่เห็นเพราะเราไม่เคยหันมองตัวเอง พิจารณาตัวเองเลย นีกถึงเวลาเข้าไปอยู่ในลิฟท์มีกระจกรอบด้าน ยกเว้นพื้น หันไปทางไหนก็เห็น
กระจกเงามนุษย์ ...( ใช้คำหรูซะด้วย) โอ้ทว่าเป็นกระจกเงาที่ส่อง สะท้อนถึงตัวตน สันดาน ได้ดีทีเดียว และยังเป็นสิ่งที่ทำให้คนที่ส่องกระจก(มนุษย์)คนนั้น มองตัวเอง พิจารณาตัวเองมากขึ้น จะว่าไปแล้วก็มีทั้งเงาสวย และ เงาขี้เหร่เน่อะ เลือกกันเองก็แล้วกันว่าชอบเงาแบบไหน อยากได้เงาแบบไหนเป็นเงาตัวเอง
แต่ทำไมน๊า โอ้ทส่องกระจกไหนๆ ก็เห็นหน้าตัวเองสวยทุกครั้งเลย ^_^
Subscribe to:
Posts (Atom)