Life is short then do what brings happiness to life. ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุข ก็ทำไป

Search This Blog

Wednesday, July 19, 2017

ขอให้ ต เต่าตัวนั้น หายเร็ว ๆ

19 กรกฎาคม 2560

ป้าโอ้ทเพิ่งเห็นภาพในเฟสบุ๊ค (วิดิโอก็มีแต่ไม่เปิดดู ป้าโอ้ทรับไม่ได้ อารมณ์อ่อนไหวค่ะ ^_^ ) ต เต่า เคราะห์ร้ายถูกรถทับ มีพลเมืองดีกำลังช่วยเหลือ

ปกติป้าโอ้ทเห็นภาพน้องหมา น้องแมวทุกวัน ป้าโอ้ทรู้สึกสงสาร ดูผ่าน ๆ เพราะเห็นทุกวันยิ่งสงสาร ชีวิตทุกชีวิตเน่อะ เจ็บ ทรมานเหมือนคน เพียงแต่พูดภาษาคนไม่ได้ แล้วทำไมวันนี้ป้าโอ้ทเขียนล่ะ
ป้าโอ้ทไม่เคยเห็น ต เต่าเจ็บมาก่อน กระดองเขาที่เรารู้ว่าแข็งแกร่ง ถูกรถทับภายใต้กระดองนั้นเนื้อนิ่ม ๆ (นึกถีงภาพตัวนิ่มเดินข้ามถนนที่แสนจะเชื่องช้าเข้ามาอีกน่ะ แต่มีคนใจดีหยุดรถอุ้มเจ้านิ่มข้ามไปส่งอีกฝั่งอย่างปลอดภัย) กลับมาที่ ต เต่า ป้าโอ้ทรู้สึกถึงความเจ็บของเขา กระดองแตก หงายท้อง ได้แต่ขยับ แต่ไปไหนไม่ได้ คงด้วยความเจ็บปวด และโดยธรรมชาติของเต่า เมื่อหงายท้องใช้เวลานานพอควรถึงจะคว่ำตัวได้อีก

ถึงมือหมอแล้ว เขาจะหายไหมน๊า ขอให้หาย
ชีวิตใคร ใครก็รักเน่อะ ป้าโอ้ทเห็นภาพ สัตว์เจ็บทางเฟสบุ๊คทุกวัน ถามตัวเองบ่อย ๆ ว่า ถ้าเจอเองจะช่วยไหม ป้าโอ้ทตอบได้ ณ ตอนนี้คือ แล้วแต่สถานการณ์

ป้าโอ้ทมีความผิดฝังใจอยู่ วันหนึ่งเคยขับรถชนน้องหมา แต่ไม่แรงน่ะ ป้าโอ้ทไม่ได้ตั้งใจ เป็นเพราะ แท๊กซี่คันนั้นขับสวนทางมา น้องหมาวิ่งข้ามถนน แล้วรอดจากแท๊กซี่มาชนรถป้าโอ้ท ป้าโอ้ทตกใจ จะจอดรถก็คิดกลัวน้องหมาจะกัด ตัดสินใจไม่จอด ขับรถกลับบ้านเล่าให้พ่อฟัง พ่อบอกว่าน้องหมาคงไม่เป็นอะไรมาก โชคดีที่ไม่ถูกแท๊กซี่ที่ขับมาเร็วชน

และ ครั้งนึงป้าโอ้ทได้จอดรถกลางซอยที่มีรถติดยาวเหยียด เพื่ออุ้มเจ้าลูกหมาน้อยที่นอนอยู่กลางถนน ไปวางไว้ข้างตึกเพื่อไม่ให้ถูกรถทับ ครั้งนี้ป้าโอ้ทรู้สึกดีมาก ๆ

ป้าโอ้ทสวดมนต์ให้สัตว์โลกทุกชีวิต มีชีวิตที่ดี มีความสุขทุกวัน

ชื่นชมทุกคนที่ช่วยเหลือเพื่อนมีชีวิตทุกชีวิต

Tuesday, February 21, 2017

จะเรียกร้องทำไม เมื่อเรียกร้องไปก็ไม่ได้

20 กุมภาพันธ์  2560

มีภาพความสุขให้เห็น ก็ดูความสุข ดูแล้วสุข ก็ดีแล้ว จะมาถามทำไมว่าสุขมากใช่ไหม
ถ้าอยากเห็นความทุกข์ ก็มีให้เห็นอยู่ทุกนาที ทั้งทีวี หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เนต และรอบตัว ไม่ต้องหา ไม่ต้องเรียกร้อง ความทุกข์มาหาเองถึงที่

อะไรที่อยากให้เป็น แต่รู้ทั้งรู้ว่าไม่เป็นตามที่อยาก แล้วจะเรียกร้องไปทำไมให้เหนื่อย เสียเวลาเปล่า

เมื่อตั้งใจ ทำสิ่งที่ดี ช่วยสังคม ก็ทำไป คิดถึงคนอื่นให้มาก อย่ามัวคิดถึงแต่ตัวเอง

คนใกล้ตัวมองไม่เคยเห็น แต่พร่ำเรียกหาคนไกลตัวอยู่ร่ำ ร่ำ

อะไร หลายสิ่ง หลายอย่าง หลายเหตุผล ถ้าคิดเอง เออเอง ก็เป็นไปตามนั้น

แต่อย่าค่วนสรุปว่าในอีกด้านที่ตัวไม่เห็น ไม่สัมผัสด้วยตัวเองจะเป็นไปดังที่ตัวคิด

วลีนี้เป็นจริง "อะไรที่เห็น ไม่ใช่ที่เป็นเสมอไป"


ถ้าอยากรู้ถึงความรู้สึก สถานภาพ ความทุกข์ ความลำบาก ต้องหัดคิดติ่งต่างว่า ถ้าเราเป็นเขาล่ะ

เหมือนวลีภาษาอังกฤษที่ว่า "In one's shoe"  ไปใส่รองเท้าเขาดูซิจะได้รู้

ป้าโอ้ท

Thursday, January 26, 2017

บั่นทอนไปถึงใจเมื่อได้เห็น

26  มกราคม 2560

ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่เลือกเสพสื่อ ข่าวสาร เพราะสภาวะสังคมในยุคของผู้เขียนที่มีอายุน้อยลงทุกวัน มีวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีไปไกล และ ไกลขึ้นเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าสภาวะจิตใจของ "คน" จะถดถอยลง ผู้เขียนจะไม่หยิบยกสถานการณ์มาให้หมด เพราะคงไม่สามารถจะกล่าวได้ทั้งหมด เนื่องด้วยผู้เขียนมิได้มีความรู้ ความชำนาญ เชี่ยวชาญ และ ไม่ได้เป็นนักวิชาการในแขนงใด ๆ

วันนี้ผู้เขียนรู้สึกถึงความบั่นทอนที่แผ่ซ่านไปถึงจิตใจ เมื่อได้เห็นภาพคนชราในสถานดูแล ซึ่งควรที่จะเป็นสถานที่คนชราพักอาศัยอย่างมีความสุข แต่ภาพที่เห็นนั่นคนชราถูกผู้ดูแลกระทำโดยที่ไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้ ผู้เขียนตระหนักว่าไม่ใช่ผู้ดูแลทั้งองค์กรจะปฎิบัติเช่นนั้น เพียงแต่จิตสำนึกของแต่ละบุคคลต่างกัน ถึงกระนั้น ภาพที่เห็นแต่ละครั้งที่ผู้สูงวัยถูกกระทำ ผู้เขียนไม่สามารถจะดูได้จนจบสักครั้งเดียว ได้แต่เห็นแล้วรีบปิดหรือเลื่อนผ่านไป ไม่เพียงแต่สถานที่พักคนชรา แต่แม้กระทั่งลูก หลานยังกระทำได้

มองย้อนกลับมาที่ตัวผู้เขียนเอง ใช่ ผู้เขียนเองเถียง ดื้อ ต่อบุพการี บางครั้ง หรือหลาย ๆ ครั้งหมางเมิน เมินเฉยต่อท่าน แต่ทั้งชีวิตที่มีลมหายใจ ผู้เขียนไม่เคยแม้แต่คิดจะทำร้าย

เมื่อมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคน หรือ สัตว์ ทุกชีวิตมีความคิดที่ต่างกัน มีทะเลาะกันบ้าง มีใช้กำลังต่อสู้กัน ผู้เขียนไม่รู้สึกความบั่นทอนในจิตมากเท่ากับภาพคนชราถูกกระทำ เมื่อภาพการต่อสู้ของสองฝ่ายที่เท่าเทียมกัน มีการโต้ตอบ ไม่ใช่กระทำต่อผู้ที่ไม่มีทางตอบรับแม้แต่จะผยุงตัวเองให้ลุกยังไม่ได้

อีกภาพที่ผู้เขียนไม่สามารถจะดูได้ คือภาพผู้ใหญ่ทำร้ายเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่อายุเพียง สามขวบ ทำไปได้อย่างไร...

ยุคที่วัตถุ และ ค่านิยมภาพลักษณ์ภายนอกดูเหมือนจะสำคัญ จนทำให้จิตใจคนถดถอยลงทุกวัน ๆ

ในอดีตผู้เขียนเคยคิดว่า ที่ ที่ เราอยู่ เป็นที่ ที่ปลอดภัย เราเลือกที่จะอยู่ ในที่ ที่ปลอดภัย
แต่ยุคนี้ความคิดของผู้เขียนเปลียนไปแล้วว่า ทุก ๆ ที่ มีอันตรายทั้งนั้น ไม่มี ใครเลยที่ไว้ใจได้แม้กระทั่งคนในครอบครัว เพราะคนในครอบครัวเดียวกันยังคร่าชีวิตกันเอง

แต่...ผู้เขียนมั่นใจว่าครอบครัวของผู้เขียนรัก และไว้ใจกันได้ เสมอ